สำหรับ แจ็ค แฮร์ริสัน เขาเกิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1996 ที่เมืองสโต๊คออนเทรนท์ ประเทศอังกฤษ เขาเกิดในครอบครัวที่หย่าร้าง พ่อแม่ของเขาหย่าร้างกันตั้งแต่เขามีอายุสองขวบ แฮร์ริสัน เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของแม่ของเขาที่ทำงานที่สำนักงานกฎหมาย เขามีความเป็นอยู่เช่นเดียวกับเพื่อนในวัยเดียวกัน และเช่นเดียวกับเด็กๆในอังกฤษคนอื่นๆ ที่มีความรักในฟุตบอล แฮร์ริสัน ก็เช่นเดียวกัน

ชีวิตในเส้นทางลูกหนังของเขาเริ่มขึ้นในปี 2002 เมื่อเขาอายุได้ 6 ขวบ แฮร์ริสัน เซ็นสัญญาเข้าร่วมในอะคาเดมีของลิเวอร์พูล ก่อนที่จะถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดึงตัวไปร่วมกับศูนย์ฝึกอคาเดมีของทีมในปี 2003 ซึ่งเขามีอายุ 7 ขวบ แฮร์ริสัน ก็อยู่ฝึกทักษะและฝีเท้าที่นั่นร่วมกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด แฮร์ริสันฝึกซ้อมด้วยความหวังในใจว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้ลงสนามในฐานะนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด  เขาใช้เวลาในอคาเดมีแห่งนี้ถึง 7 ปี เมื่อเขาอายุได้ 15 ปี แฮร์ริสันตระหนักได้ว่าเขาไม่ค่อยได้รับโอกาสมากนัก หากอยู่ที่นี่ต่อไป เขาจึงตัดสินใจเดินทางอีกครั้ง โดยเขาได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ในสหรัฐอเมริกา ที่เมืองแมสซาชูเซลส์

ในปี 2013 เขาได้เริ่มเส้นทางการค้าแข้งของเขาอีกครั้งกับ แมนฮัตตัน เอสซี เขาใช้เวลาอยู่ที่นั่น 2 ปี ก่อนที่จะได้เซ็นสัญญาระดับเยาวชนในปี 2015 กับ เวค ฟอเรสต์ เดม่อน เดคอนส์ แฮร์ริสัน เล่นฟุตบอลด้วยความรักและทุ่มเท จนสามารถทำผลงานออกมาได้ดี และเขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของเกเตอเรดแห่งปี 2015

ในปี 2016 เมื่อ แฮร์ริสัน มีอายุ 20 ปี ฟอร์มการเล่นของเขาไปเข้าตาของ นิวยอร์ก ซิตี้ ทีมเมเจอร์ลีก ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นทีมลูกข่ายของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ในขณะนั้น คว้าตัวของเขามาร่วมทีม ซึ่งแฮร์ริสัน ก็ได้อยู่ร่วมทีมที่นั่นเป็นเวลาสองปี คือในปี 2016-2017 เขาได้รับโอกาสจากผู้จัดการทีม ทำให้ แฮร์ริสัน มีโอกาสเฉิดฉายและก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้สำเร็จ โดยในตอนนั้นเขามีเพื่อนร่วมทีม คือ อันเดรีย ปิร์โล่ ,แฟรงค์ แลมพาร์ด และ ดาบิด บีย่า หลังจากนั้นเขาก็ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่องถึง 60 นัดทำไป 14 ประตู

ในปี 2017 เขาถูกทางสโมสร มิดเดิ้ลสโบร์ช ทีมในเดอะแชมเปียนชิพ คว้าตัวไปเล่นให้กับทีมด้วยสัญญายืมตัว แต่เขาก็ไม่ประสบความสำเร็จในที่นั่น

จนมาในปี 2018 สิ่งที่ แฮร์ริสัน ใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยังเด็ก ก็กลายเป็นจริง เมื่อเขาได้กลับมาค้าแข้งในลีกของยุโรป ในการเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสัญญา 4 ปี แต่เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อัดแน่นไปด้วยนักเตะดาวดังหลายราย ทำให้ แอร์ริสัน ไม่สามารถสอดแทรกเข้ามาเป็นตัวจริงในทีมชุดใหญ่ได้เลย ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องส่งตัวเขาออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ด้วยสัญญาการยืมตัว ซึ่งทำให้ แฮร์ริสัน ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากใน เดอะแชมเปียนชิพ ด้วยการเล่นอันพลิ้วไหว และมีความเร็วสูงของเขา รวมถึงการยิงประตูที่แม่นยำ ทำให้เขากลายเป็นนักเตะตัวหลักของทีม สามารถช่วยลีดส์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์เดอะแชมเปียนชิพ ในฤดูกาล 2019-2020  นำทีมขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดนั้นก็คือ พรีเมียร์ลีก ได้ในรอบ 17 ปี ในปี 2020 แฮร์ริสัน ตัดสินใจที่จะอยู่ช่วย ลีดส์ ยูไนเต็ดต่อไป ภายใต้สัญญายืมตัว และหลังจบฤดูกาลนั้น แฮร์ริสัน ก็หมดสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้  แต่ทางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่รอช้าตกลงต่อสัญญากับทาง แฮร์ริสัน ทันที แล้วดึงตัวเขากลับมาใช้งานในทีมต่อไป แฮร์ริสัน ลงสนามให้กับลีดส์ ยูไนเต็ด ไปทั้งหมด 37 นัด ยิงไป 8 ประตู

แต่แล้ว ก่อนที่สัญญาของ แฮร์ริสัน กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะหมดลง ลีดส์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจยื่นข้อเสนอเพื่อคว้าตัว แฮร์ริสัน มาร่วมทีมอย่าถาวรทันที ด้วยข้อเสนอค่าตัว 11 ล้านปอนด์ ด้วยระยะเวลาสิ้นสุดในปี 2024  ด้วยเหตุผลที่ แฮร์ริสัน มีฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวา บวกกับการที่แฮร์ริสันเข้าใจในระบบการเล่นของลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกใจเลยที่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ต้องการตัวของ แฮร์ริสัน เพื่อมาสู่ศึกในพรีเมียร์ลีก ด้วยการยื่นข้อเสนอเป็นการเซ็นสัญญาแบบถาวร และในฤดูกาล 2021-2022 นี้ แฮร์ริสัน ก็ยังเป็นกำลังสำคัญของลีดส์ ยูไนเต็ด แม้ว่าในตอนนี้ฟอร์มของลีดส์ ยูไนเต็ดจะยังไม่ดีมากนัก แต่ฟอร์มการเล่นส่วนตัวของ แฮร์ริสัน ก็ถือว่าไม่ได้แย่เลยทีเดียว เขายังสามารถทำประตูได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนผลงานกับทีมชาติอังกฤษ แฮร์ริสัน เคยมีรายชื่ออยู่ในทีมชาติชุด อายุไม่เกิน 21 ปี มาแล้ว 2 นัดด้วยกัน

ผลงานกับลีดส์ ยูไนเต็ด

– 2019-2020 แชมป์ฟุตบอลเดอะแชมเปียนชิพ

ผลงานส่วนตัว

– เกเตอเรด นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 2015

– ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือน NYCFC มิถุนายน 2016